เจลีก 2020 ปีแห่งการพัฒนา ทั้งคุณภาพเกม และ การตลาด
ฟุตบอลเมจิ ยาซุดะ เจลีก 1 จะเปิดฉากขึ้นในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้ ประเดิมด้วยคู่แรกที่สนาม บีเอ็มดับบลิว สเตเดี้ยม ฮารัทซึกะ เจ้าถิ่น โชนัน เบลเมเร่ เปิดบ้านเจอกับ “ปีศาจแดงแห่งเอเชีย” อูราวะ เรด ไดมอนส์ ซึ่งความมันของฟุตบอลแดนซามูไร ที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลไทย กำลังจะเริ่มต้นต่อจากนี้
ปีนี้มีข่าวดี สยามสปอร์ต ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด บนแพลตฟอร์ม โซเชียล ทั้งเฟสบุ๊ค ยูทูป ในตลอด 3 ฤดูกาลต่อจากนี้ ปี 2020-2022 นอกเหนือจาก แฟนบอลไทย ได้ดูถ่ายทอดสด 4 แข้งไทย “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน สังกัดโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส , “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ สังกัด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร และ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา สังกัดชิมิสึ เอสพัลส์ กันแบบฟรีๆ 4 คู่ ต่อสัปดาห์ แบบเต็มอิ่มที่ขาดไม่ได้คือ เรื่องข่าวสาร วิเคราะห์ เจาะลึก นอกจาก 4 แข้งไทยแล้ว ข่าวสารสโมสรอื่นๆ มีแน่ๆ ทั้ง หนังสือพิมพ์สยามกีฬา เว็ปไซต์ รายการไลฟ์สด ทางสยามสปอร์ต จัดเต็มหายห่วง
มาเข้าเรื่อง เจลีก ในฤดูกาล 2020 ปีนี้ จะเป็นซีซั่นแห่งการขับเคี่ยวที่ดุเดือดเหมือนเช่นเดิม นอกเหนือ จากที่มี 4 แข้งไทย ค้าแข้งอยู่กับ 3 สโมสร ทั้ง 18 ทีม ก็มีการขยับเสริมทัพกันแบบเต็มเหนี่ยว
พูดถึงประเด็นสำคัญ เรื่องแรก เกี่ยวกับ คุณภาพลีกของ ญี่ปุ่น โนบุฮิโระ ทาเคดะ อดีตดาวเตะกองหน้าทีมชาติญี่ปุ่น ในช่วงยุค 80-90 ที่ปัจจุบัน เป็นรับงานเป็นนักวิเคราะห์ฟุตบอล ของช่อง Nippon Television วิเคราะห์ ศึกเจลีก 2020 ได้อย่างน่าสนใจ

โดยอดีตตำนานแข้ง เวอร์ดี้ คาวาซากิ วัย 52 ปี บอกว่า คุณภาพของเจลีกปีนี้ยากที่จะคาดเดา มากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงปรีซีซั่นเขาได้มีโอกาสเดินทางไปดูการเก็บตัวของแต่ละสโมสร ซึ่งไปเก็บตัวที่ คิวชู และ โอกินาว่า ในแบบลงทุนควักกระเป๋าตังค์ไปด้วยเงินตัวเอง เพื่อมาวิเคราะห์ วิจารณ์ได้ละเอียดๆ ซึ่ง ทาเคดะ มองว่า ปีนี้ แข้งต่างชาติ น่าจะมาสร้างความแตกต่างให้กับหลายทีม ซึ่งเขายกตัวอย่างซีซั่นที่แล้ว อย่างกุญแจสำคัญที่ทำให้ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ยกระดับทีม ทะลุไปถึงแชมเปี้ยน แบบสุดเซอร์ไพร์ส ก็คือการมี 5 แข้งต่างชาติ ที่มาเป็นแกนหลักของทีม
ทาเคดะ ยังบอกอีกว่า ถ้าหากว่า ให้เขาเลือก แบบส่วนตัว ว่าทีมไหนเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ คงจะเป็น 3 ทีมนี้ นั่นคือ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส , วิสเซล โกเบ และ เอฟซี โตเกียว เพราะ ทาเคดะ มองว่า 3 ทีมนี้มีแข้งต่างชาติ ที่เป็นแกนหลัก และ ยังสามารถปรับตัวเข้ากับแทคติก ลงตัวกับ แข้งญี่ปุ่น อีกด้วย โนบุฮิโระ ทาเคดะ วิเคราะห์ทิ้งท้าย
อย่างที่ โนบุฮิโระ ทาเคดะ บอกเจลีก มันมีการขับเคี่ยวกันเข้มข้นแบบ สัปดาห์ ต่อ สัปดาห์ ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงฤดูกาลที่แล้ว ที่ แชมป์มาเบียดกันในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้าย และ เป็น มารินอส ที่แรงช่วงปลายแซงทั้ง คาชิม่า แอนท์เลอร์ และ เอฟซี โตเกียว ไปคว้าถาดแชมป์อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ 31 นัดก่อนหน้านั้น ไม่เคยนำจ่าฝูงมาก่อนเลย นั่นเอง

ส่วนในเรื่องการตลาด ต้องชื่นชมว่า เจลีก มีแนวโน้ม ต่อยอดเป็นนัมเบอร์วัน ลีกในทวีปเอเชีย มากขึ้นไปอีกขั้นเป็นอีกปี ที่เจลีก เข้ามาเป็นกระแส ให้แฟนบอลสนใจมากขึ้น
ซึ่งกว่าจะมาเจาะตลาดทาง ภูมิภาคอาเซียน ทาง เจลีก นั้นลองผิด ลองถูก มาพักใหญ่เหมือนกัน เพราะจริงๆ การเปิดโควต้าอาเซียน ที่มองเรื่องการตลาดมาก่อนอันดับแรก นั้น เจลีก ทดลอง มีมาตั้งแต่ปี 2013
ใครจำกันได้เริ่มจาก เลอ คอง วินห์ ดาวเตะตำนานของเวียดนาม คราวนั้น คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ดึงตัวเขาไปเล่นในเจลีก 2 แต่ปรากฏว่า ล้มเหลว ทั้งเรื่องในสนามและนอกสนาม ไม่ได้ถูกพูดถึงเลยแม้แต่น้อยก่อนที่เจลีกจะปรับปรุงเกี่ยวกับโควต้านี้ให้เข้ารูป เข้ารอย เรื่อยมา
ระหว่างปี 2014-2016 มีแข้งอาเซียนไปวนเวียน อยู่ที่เจลีก หลายคน อาทิ 2 แข้งจาก อินโดนีเซีย อย่าง สเตฟาโน ลิลิปาลี และ อิรฟาน บัคดิม รวมถึง 2 มิดฟิลด์ซุปตาร์ เวียดนาม เหงียน คอง เฟือง และ เหงียน ตวน อันห์ รวมถึง 1 แข้งจากมาเลเซีย อย่าง ตัม เชียง ซุง ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์อย่างที่สโมสร และ ทางเจลีกต้องการเท่าที่ควร
จุดเปลี่ยนของการตลาดเจลีก ที่ต้องบอกว่ามาถูกทาง ทั้งในสนาม และ นอกสนาม นั้นต้องรอถึง ปีช่วงกลางปี 2017 ที่คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ดึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไปร่วมทัพ จนปัจจุบัน “เมสซี่เจ” ก้าวไปเป็นแข้งซุเปอร์สตาร์ของเจลีก ส่วนนอกสนาม เมืองฮอกไกโด กลายเป็นแลนมาร์ค แหล่งท่องเที่ยวของคนไทยไปโดยปริยาย
.jpg)
ที่บอกว่า ในแง่การตลาด เจลีก มีการพัฒนาการขึ้น มีตัวเลขอ้างอิง จาก GLOBAL SPORTS SALARIES SURVEY 2019 ได้ทำการสำรวจ การใช้จ่าย ต่างๆ ของลีกกีฬา ทีมกีฬา ที่นิยมสูงสุดบนโลก ในปี 2019 ซึ่งได้คัดเลือกมาทั้งหมด 18 ลีก 8 ชนิดกีฬา หนึ่งในนั้นคือ เจลีก ที่ติดอยู่ในลิสต์ของการสำรวจด้วยเช่นกัน
ปี 2019 เจลีก ประสบความสำเร็จ และ ถือว่าเป็นปีทอง ในเรื่องของยอดผู้ชม ที่ทางแบบสำรวจระบุมาคือ ยอดผู้ชม ต่อนัดในสนามค่าเฉลี่ยตัวเลขอยู่ที่ 20,750 คนต่อนัด ซึ่งถือว่าเป็นปีที่พีคสุดๆ กว่าที่ผ่านมา ในเรื่องของยอดผู้ชม
ส่วนเรื่องยอดคนดูทางถ่ายทอดสดนั้นเพิ่มแบบน่าตื่นเต้น ทาง DAZN ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอด ได้มีการเปิดเผยตัวเลข ที่เติบโต ขึ้นมากกว่าเดิม เจลีกมีผู้ชมมากถึง 87.4 ล้านคน เลยทีเดียวตลอดฤดูกาล 2019
อีกทั้ง ในเรื่องคุณภาพ ในสนาม ปีนี้มีการนำเทคโนโลยี VAR มาใช้ เพื่อเทียบลีกระดับยักษ์ใหญ่ของยุโรป
รวมถึง เรื่องเงินรางวัล และ ค่าผลประโยชน์ รวมต่างๆ ปีนี้เจลีกทุ่มงบสุดตัว ยอดรวมอยู่ 2.2 พันล้านเยน (600 กว่าล้านบาท)
ปี 2020 น่าจะเป็นปีที่ เจลีก คาดหวังว่า ทั้งคุณภาพในสนามของลีก และ ตัวเลขเรื่องการตลาดจะเติบโตไปมากกว่านี้
เจลีก พุ่งกระฉูดทั้ง คุณภาพเกม และ เรื่องการตลาดจริงๆ