หากจะบอกว่า จาดอน ซานโช คือดาวรุ่งชาวอังกฤษที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คงจะไม่ใช่คำพูดที่เกินเลยนัก หรืออาจจะเป็นอันดับ 1 ของโลกเลยก็ได้
ในวัยที่อายุเพิ่งครบ 20 ปี เขาลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 11 นัดและทำไปได้ 2 ประตู ขณะที่ผลงานในระดับสโมสรกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 90 นัด 31 ประตูก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ปัจจุบันซานโชถูกประเมินว่ามีค่าตัวอยู่ที่ 130 ล้านยูโร ถ้าอ้างอิงจากเว็บไซต์ transfermarkt นับว่าสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้เล่นวัยเดียวกัน โดยเพื่อนร่วมทีมของเขา เออร์ลิง เบารท์ ฮาลันด์ มีค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 80 ล้านยูโร
ส่วนอีกหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือด้านการประเมินค่าตัวอย่าง CIES นั้นยกให้เขามีค่าตัวสูงถึง 198.5 ล้านยูโรเลยทีเดียว
ด้วยการประเมินที่สูงระดับนี้ ทำให้สัญญาของเขาที่จะหมดลงในอีก 2 ปีข้างหน้าคงยากที่ต้นสังกัดปัจจุบันจะสามารถทุ่มเงินมหาศาลเพื่อโน้มน้าวให้ปีกรายนี้อยู่กับทีมต่อไปได้ การปล่อยตัวเขาออกไปเพื่อรับเงินก้อนใหญ่ ก่อนที่จะปล่อยให้ผ่านไปอีกปีจนเหลือสัญญาแค่ปีเดียวแล้วราคาตกลงกว่าครึ่งจึงเป็นหนทางที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกทั้งทีมใหญ่ ๆ ทั่วยุโรปก็พร้อมจะทุ่มเงินเพื่อคว้าลายเซ็นของดาวรุ่งคนนี้ไปครอบครองเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นในพรีเมียร์ลีก ลาลีกา หรือกระทั่งในบุนเดสลีกาด้วยกันเอง
การตัดสินใจย้ายข้ามประเทศมาที่เยอรมันตั้งแต่อายุ 17 ปีจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นการตัดสินใจที่ทำกำไรให้กับทั้งตัวเขาและดอร์ทมุนด์อย่างมหาศาล ทีมที่เสียประโยชน์ก็คงจะมีแต่เรือใบสีฟ้าทีมเดียวเท่านั้น เนื่องจากในปี 2017 เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตัดสินใจไม่ใส่ชื่อซานโชลงในทีมชุดที่ไปทัวร์ปรีซีซั่น ทำให้สัญญาฉบับใหม่ต้องชะงักลง และเปิดช่องให้ดอร์ทมุนด์ดึงตัวมาได้ในราคาเพียง 8 ล้านปอนด์พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะให้เขาลงเล่นในทีมชุดใหญ่ทันที
หลังจากที่เขาย้ายไปยังบุนเดสลีกา ซานโชก็ได้รับโอกาสนั้นโดนถูกส่งลงสนามทั้งสิ้น 12 นัดในปีแรกของเขากับทีมเสือเหลือง ก่อนจะยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างถาวรในฤดูกาล 2018/19 เป็นต้นมา
ด้วยระดับความสามารถตอนนี้ ทำให้ซานโชมีดีพอที่จะเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมชั้นนำแทบทุกทีมบนโลกนี้ แต่จะเป็นทีมใดล่ะที่มีโอกาสดึงตัวเขาไปร่วมทีมได้?
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปีศาจแดงขาดแคลนปีกขวาสไตล์ลากเลื้อยมาเกือบ 10 ปีแล้ว คนล่าสุดที่เล่นสไตล์นี้คงต้องย้อนไปถึงนานี่เลยทีเดียว ซึ่งก็ได้รับการประเมินอยู่แค่ในระดับพอใช้ได้แค่นั้น
ฝั่งซ้ายพวกเขามีตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นสองกองหน้าของทีมอย่าง อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ขยับไปเล่นทางซ้ายได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่พอมาเป็นฝั่งขวาดูแล้วยังไม่ค่อยลงตัวเท่าใดนัก
ดาเนี่ยล เจมส์ เป็นผู้เล่นที่มีแววจะเป็นสตาร์ในอนาคต แต่ยังต้องการเวลาอีกพอสมควร ส่วน ทาฮิธ ชอง ก็เริ่มจะดูไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ในช่วงหลัง ๆ ดูแล้วคงขุนยากพอสมควร
เมสัน กรีนวู้ด อาจจะพอขยับมาเล่นทางขวาได้แต่ท้ายที่สุดแล้วจุดเด่นของเขาคือการจบสกอร์ ไม่ใช่การสร้างสรรค์เกม ขณะที่ ฆวน มาต้า ก็ไม่ใช่ปีกธรรมชาติและเวลาของเขากับแมนยูไนเต็ดก็ใกล้หมดลงแล้ว
ด้วยเม็ดเงินที่มีพร้อมและความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะกลับมายิ่งใหญ่ ถ้าพวกเขาจะยอมทุ่มงบประมาณเกือบทั้งหมดที่พวกเขามีไปกับซานโชคนเดียว เพื่อมาผนึกกำลังกับขุมกำลังที่ค่อนข้างจะลงตัวแล้วในตอนนี้ น่าจะพอทำให้พวกเขาขึ้นไปอยู่ในท็อป 4 ได้อย่างไม่ยากเย็นเลยล่ะ
ดีไม่ดีอาจจะทำเซอร์ไพรส์ขึ้นไปลุ้นแชมป์อีกครั้งก็เป็นได้

เชลซี
ผลจากการที่ถูกพวกเขาแบนตลาดช่วงซัมเมอร์ที่แล้วจนทำให้ไม่ได้เสริมใครเข้ามาเลยนอกจาก มัตเตโอ โควาซิช ที่ยืมตัวมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ลากยาวมาจนถึงตลาดเดือนมกราคมที่เชลซีไม่สามารถหานักเตะที่เหมาะสมเข้ามาเพิ่มได้ ทำให้งบประมาณของพวกเขามีพร้อมยิ่งกว่าพร้อมซะอีก
เงินที่ได้จากการขาย เอเด็น อาซาร์ ไปให้กับ เรอัล มาดริด ยังไม่ได้ถูกใช้จ่ายไปเลย และใครเล่าจะเหมาะสมกับการเป็นตัวแทนของแข้งเบลเยี่ยมเท่ากับซานโชซึ่งตรงสเป็คแทบทุกอย่าง
คริสเตียน พูลิซิช คือนักเตะที่พวกเขาซื้อมาจากดอร์ทมุนด์เป็นรายล่าสุดและดูจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนักแม้ส่วนหนึ่งจะเป็นปัญหามาจากอาการบาดเจ็บก็ตาม ขณะที่ปีกซีเนียร์อีก 2 คนอย่าง วิลเลี่ยน และ เปโดร ก็อาจจะถูกปล่อยให้หมดสัญญากับทีม
สิงห์บลูยังคงต้องการนักเตะในตำแหน่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้าหรือกองหลังตัวกลาง แต่จากงบประมาณที่พวกเขามีแทบล้นคลัง การคว้าตัวนักเตะดาวดัง 3 คนในปีเดียวก็ไม่ใช่เรื่องเกินตัวแต่อย่างใด
ลิเวอร์พูล
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทีมที่แนวรุกสมบูรณ์พร้อมอย่างหงส์แดงจะมาทุ่มเงินมหาศาลกับนักเตะคนเดียวทำไมกัน?
ความจริงที่ว่าตัวจริงของลิเวอร์พูลนั้นเก่งกาจจนห่างชั้นกับตัวสำรองเกินไป นั่นเท่ากับว่าพวกเขาแทบไม่มีแผนสองให้ปรับใช้เลยในวันที่คู่แข่งจับทางได้หรือในวันที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ เล่นไม่ออก รวมถึงสองคนนั้นก็คงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรยามที่ตัวเองผลงานไม่ดีเพราะยังไงท้ายที่สุดตำแหน่งตัวจริงก็ต้องเป็นของพวกเขา ทำให้ไม่มีการแข่งขันภายในทีมเกิดขึ้น
นักเตะระดับ ดิว็อค โอริกี ถูกส่งลงสนามถึง 22 นัดซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย ทั้งตัว เจอร์เกน คล็อปป์ เองและแฟนหงส์ถ้าเลือกได้คงไม่ได้อยากเห็นมหาเทพถูกใช้งานบ่อยขนาดนี้ถ้ามีตัวเลือกอื่น และในตอนนี้ ทาคุมิ มินามิโนะ ก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกนั้น
และถึงแม้จะไม่ถูกแบนจากการซื้อขายนักเตะ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ใช้เศษเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในตลาดทั้งสองช่วง ทำให้งบประมาณพวกเขาในตอนนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าเชลซีเลย
แม้โอกาสจะไม่ได้มีมากเท่าแมนยูและเชลซี แต่ก็ยังไม่มีใครกล้ากาชื่อพวกเขาออกจากทีมที่มีสิทธิ์จะคว้าตัวซานโชมาเช่นกัน

เรอัล มาดริด / บาร์เซโลนา
ในฐานะนักเตะที่ถูกยกย่องว่ามีโอกาสจะก้าวไปเป็นเบอร์ 1 ของโลกในอนาคต สองยอดทีมแห่งลาลีกาสเปนก็ย่อมไม่พลาดที่จะโดดมาร่วมวงด้วย
ต้องยอมรับว่าโอกาสที่พวกเขาจะโน้มน้าวให้ซานโชย้ายมาสเปนมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับการกลับไปแผ่นดินเกิดของเขาอย่างอังกฤษ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยซะทีเดียว
มาดริดเองต้องการสตาร์ระดับโลกมาร่วมทีมอยู่แล้ว เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาถ้านักเตะคนนั้นดังพอ ยิ่งเป็นทางปีกขวาที่ไม่ต้องมาทับตำแหน่งกับสตาร์เบอร์ 1 ของทีมอย่างอาซาร์ด้วยแล้ว ยิ่งเหมาะสมเข้าไปใหญ่
ส่วนบาร์ซ่าที่เคยทุ่มหลักร้อยล้านเพื่อซื้อ อุสมาน เดมเบเล่ มาจากดอร์ทมุนด์ ถ้าจะต้องยอมทุ่มเงินจำนวนใกล้เคียงกันสำหรับดีลนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องเกินตัว อีกทั้งยังให้โอกาสซานโชได้ลงเล่นร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ อีกด้วย คงเป็นการเพิ่มความน่าสนใจในการย้ายสู่แคว้นคาตาลันพอสมควร
บาเยิร์น มิวนิค
ในกรณีที่ซานโชอยากจะค้าแข้งในบุนเดสลีกาต่อไป จุดหมายปลายทางของเขาจะมีเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นก็คือที่บาเยิร์น และแน่นอนว่าที่นี่คือจุดหมายสุดท้ายที่ทางดอร์ทมุนด์อยากให้เขาไปเช่นกัน
เสือใต้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการดูดนักเตะร่วมลีกพร้อมที่จะอ้าแขนรับดาวรุ่งรายนี้เข้ามาอยู่แล้ว กับผลงานที่ได้รับการพิสูจน์ในลีกสูงสุดเยอรมันมาเกือบ 3 ปีเต็ม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการครองแชมป์ลีกฤดูกาลต่อ ๆ ไปให้แน่นอนยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้พวกเขาขยับเข้าใกล้แชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเข้าไปอีก หลังจากทำได้ครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2012/13
แต่อุปสรรคของแชมป์เยอรมันคือการที่ต้นสังกัดปัจจุบันของซานโชจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ดีลนี้เกิดขึ้น ต่อให้จะต้องยอมขายในราคาที่ต่ำลงก็ตาม ซึ่งดูแล้วบาเยิร์นเองคงต้องใช้กำลังภายในและเล่ห์กลพอสมควรถ้าจะเอาตัวมา
แม้ว่าตลาดนักเตะในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงตอนนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากการเลื่อนการแข่งขันทั่วทั้งโลกซึ่งเป็นผลมาจากไวรัสโควิด-19 แต่เมื่อถึงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง เมื่อนั้นการแย่งชิงตัวซานโชน่าจะปะทุขึ้นมาในทันที
หรืออาจจะกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้แล้วก็เป็นได้